ต๊อกบกกี อาหารยอดนิยมของเกาหลี ที่สามารถนำมาผสมเครื่องปรุงหลากหลาย

ต๊อกบกกี

ต๊อกบกกี อาหารชั้นเลิศของประเทศเกาหลี ที่ถ้าหากได้ไปเที่ยวเกาหลีแล้ว ต้องได้กินสักครั้ง

ต๊อกบกกี เมนูอาหารเกาหลี ที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกันดี หรือสามารถพูดได้ว่าประมาณ 90% ของคนไทย ๆ คงเคยลิ้มลองรสชาติ ของอาหารยอดนิยมจากเกาหลี ต๊อกโบกีรสชาติ เป็นแบบไหนกันนะ

ซึ่งทุกคนทราบกันหรือไม่ว่า คนไทยรู้จักและได้ชิมเมนูนี้กันตอนไหน ? สำหรับใครหลาย ๆ คน สาเหตุที่ทำให้เริ่มรู้จัก เมนูต็อกบกกี มาจากหนึ่งในฉากซีรี่ส์เกาหลี ซึ่งเริ่มเข้ามาเป็นกระแส 8-10 ปีที่ผ่านมา โดยนักแสดงในเรื่องจะกินพร้อมกับ เมนูรามยอนเกือบทุกเรื่องเลย

ตอนที่ยังไม่ได้ลองชิม ก็แอบคิดว่าเมนูนี่คงต้อง มีความพิเศษแน่นอน เนื่องจากจะเห็นได้จากท่าทาง ของนักแสดงที่อยู่ในฉาก ทำท่ากินอย่างเอร็ดอร่อย แต่พอได้มีโอกาส เดินทางไปที่เกาหลีบ่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเมนูนี้ เป็นอาหารที่หากินได้ทั่วไป คือแทบจะเกือบ ทุกร้านอาหาร ข้างทางเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยน นำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอื่น ๆ ได้อีกหลากหลาย

ต๊อกบกกี

เมนูต๊อกบกกี ที่หลายคนคงเคยลิ้มลอง และดูเหมือนจะไม่มีอะไร แท้จริงแล้วมีประวัติเรื่องเล่าที่ยาวนาน ซึ่งที่มานั้นถือว่า มีความพิเศษเหมือนกัน อย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ เมนูต๊อกบกกี ที่วัตถุดิบไม่ได้มีความพิเศษ แต่ความเป็นมานั้นมีเรื่องราว ที่ยาวนานอยู่พอสมควร

จุดกำเนิดเกิดขึ้น ในช่วงของโชซ็อน (Joseon Dynasty) ได้มีตำหรับอาหารในหนังสือ “Si Eui Jeon Seo” โดยได้บันทึกวิธีการทำอาหาร ยุคตอนปลายของสมัยโชซ็อน เมนูต๊อกบกกี ได้ถูกรวมอยู่ใน 458 ของเมนูที่มีการบันทึก ลงในหนังสือเล่มนี้

ความเป็นมาเมนูต๊อกบกกี ว่ากันว่ามีจุดกำเนิดก็คือ ได้คิดวิธีการทำเมนูอาหาร ต๊อกบกกีคือ ที่แตกต่างจากตระกูลยุน ที่มีชื่อเสียงเรื่องฝีมือทำอาหาร ซึ่งรังสรรอาหารที่มีชื่อว่า “กุงจุง ต๊อกบกกี” ที่มีความหมายว่า ต๊อกบกกีในพระราชวัง โดยแป้งต๊อกผัดคลุก เห็ดหอมและผัก ปรุงรสโดยซอสถั่วเหลืองซีอิ๊ว

เชื่อหรือไม่ว่ากษัตริย์ รู้สึกถูกปากเมนูนี้เสียมาก ๆ บางคนคิดว่าเมนูนี้ นั้นมีวัตถุดิบชั้นสูงและมีประโยชน์ ที่เป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ จึงส่งผลทำให้ เมนูกุงจุงต๊อกบกกีนี้ ได้รับความนิยมเฉพาะกษัตริย์ และข้าราชการชั้นสูง ในวังเท่านั้น

อีกทั้งยังมีการเพิ่มมูลค่า การเป็นเมนูพิเศษเข้าไปอีก วิธีการ, อาหารอร่อย โดยที่เอาเมนู กุงจุง ต๊อกบกกี บันทึกลงในเมนูที่กษัตริย์ มีการเสวยในงานเฉลิมฉลอง ในช่วงต้นเดือนแรกของทุกปี ซึ่งต่อมาอีกไม่กี่ปี เมื่อกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์โชซ็อน พร้อมกับรัชทายาท ได้สิ้นพระชนม์ลง

โดยอย่างที่หลาย ๆ คน รู้กันดีว่าราชวงศ์โชซ็อน คือราชวงศ์สุดท้ายในประเทศเกาหลี ก่อนที่จะถูกทหารญี่ปุ่น ทำให้ล่มสลายในช่วงปี ค.ศ. 1909 บรรดาขุนนางในวัง ที่รู้สูตรอาหาร ได้เอาเมนูกุงจุงต๊อกบกกี ไปขายและเผยแพร่ ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นอาหารในยามสงคราม

สูตรดั้งเดิม ความรู้เทคนิคการทำอาหาร ของกุงจุงต๊อกบกกี นั้นเน้นผักส่วนใหญ่ ต่อมาชาวบ้านได้มีการ ปรับสูตรการทำเมนูนี้ มากินคู่กับเนื้อย่าง หรือบูลโกกิ ที่เป็นที่มาของเมนูบูลโกกิ ต๊อกบกกี ซึ่งคนไทยน่าจะคุ้นเคยกันนั่นเอง ต๊อกบกกีแมคโคร

ต๊อกบกกี

จากกุงจุงต๊อกบกกี ได้กลายมาเป็น บุลโกกิต๊อกบกกี ถือได้ว่าไม่เห็นส่วนผสม ที่มีความเผ็ดของ ซอสพริกเกาหลีไม่ได้เลย ต๊อกบกกีจะมีสีแดง รวมถึงความเผ็ดอร่อย ที่มาจากซอสโคชูจัง นั้นมีที่มาอย่างไร ?

โดยหลังจากการสู้รบ กับทางประเทศญี่ปุ่น ได้กลายมาเป็นเหตุการณ์ของ สงครามเกาหลี (Korean War) สามารถพูดได้เลยว่า ประเทศเกาหลีช่วงนั้น จะได้รับอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นการเมืองและการค้า จากต่างประเทศพอสมควร

เครื่องปรุงและวัตถุดิบ ต๊อกบกกีกี่แคล อย่าง ซอสพริกถูกใช้อย่างแพร่หลาย ในชาวบ้านเกาหลี ช่วงยุคนั้นเหมือนกัน เมนูต๊อกบกกีที่มีสีแดง ลักษณะเหมือนกับในซีรีส์ มีจุดเริ่มต้นในช่วงปี ค.ศ. 1948 โดยหญิงสาวที่ชื่อ “Ma Bok Rim” ซึ่งเธอได้กินต๊อกพร้อมกับ ซอสพริกเกาหลีโคชูจัง แล้วรู้สึกว่าเป็นส่วนผสม ที่เข้ากันได้อย่างดี

โคชูจัง คือวัตถุดิบชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญ โดยมาจากมีพริกป่น ข้าวเหนียว ถั่วเหลือง ผงมอลต์คือข้าวบาร์เลย์ และเกลือ นำมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นหมักทิ้งไว้ รสชาติที่เค็ม ออกหวาน เผ็ดเล็กน้อย รสชาติหวานได้จาก แป้งข้าวเหนียวถูกเอนไซม์ย่อย ขณะที่มีการหมักอยู่นั่นเอง

ในประเพณีของเกาหลี มีการหมักโคชูจังทิ้งไว้ ตามธรรมชาติเป็น โดยใช้เวลานานเป็นปี ภาชนะที่ใช้ก็คือชังดก (ไหดินเผา) บนพื้นที่ยกระดับ ที่คนเกาหลีเรียกว่า ชังดกแด หรือลานหลังบ้าน โคชูจังยังเป็นส่วนผสมของ อาหารอีกหลากหลาย เช่น พีบิมบับ, ต็อกโบกี เป็นต้น รวมถึงอาหารประเภทยำ แกง และอาหารประเภทเนื้อสัตว์หมัก

ซึ่งเรียกได้ว่าในช่วงนั้น ในประเทศเกาหลี นั้นมีการผลิต รวมถึงนำเข้าวัตถุดิบ อย่างแป้งสาลี ส่งผลให้แป้งต๊อก มีการเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับ ในยุคก่อนหน้านี้ด้วย นั่นคือตัวแป้งในการทำต๊อก มีความหลากหลาย ต๊อกบกกีราคา ไม่ว่าจะเป็นแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวเหนียว ซึ่งมองหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังมีราคาถูก ประชาชนทั่วไปสามารถ ทำต๊อกได้ง่ายขึ้น จึงกลายเป็นเมนูที่นิยมไปทั่วประเทศ

เมนูต๊อกบกกี ได้รับความนิยมจาก ทหารอเมริกัน ซึ่งได้มาทำการ ช่วยรบให้เกาหลีใต้ ในยุคสงครามเกาหลีเมื่อปี ค.ศ. 1949 ได้ลองชิมในความอร่อยเผ็ด พร้อมแป้งต๊อก ในเมนูต๊อกบกกี

ต๊อกบกกี

ซึ่งในเมนูดังกล่าวที่เป็นแบบใหม่ โดยหลังจากที่สหรัฐอเมริกา กับสหประชาชาติได้ทำการ ยุติสงครามเกาหลีได้ ชาวอเมริกันนั้นได้มีการ เอาไปเผยแพร่ในประเทศของตน และได้กลายเป็นที่นิยม ในแถบชาวตะวันตก

ต๊อกบกกี คืออาหารที่มีวัตถุดิบหลักเป็น แป้งข้าวเจ้า และปรุงรสด้วยซอสอาโคชูจัง ​ในขณะนี้ต็อกโบกี ได้มีการสร้างสรรค์ และเริ่มเอาซอสต่าง ๆ มาผสมเข้าด้วย อย่าง ซอสแกงกะหรี่ ซอสครีม เป็นตัวเลือกที่หลากหลาย ในการรับประทานบีบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลี โดยส่วนมากแล้วนั้น มีการกินคู่ไข่แดงที่ยังดิบ ๆ ราดด้วยซอสโคชูจัง ต๊อกบกกีในเซเว่น 

วัฒนธรรมการกิน ที่สอดแทรกมากับซีรี่ส์เกาหลี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ต๊อกบกกีชีส 7-11 ก็ต้องมีสักฉากที่ต้องเจอ ในซีรี่ส์ทุกแนวก็คือ เรื่องของอาหารการกิน ที่สำคัญมากจริง ๆ ไม่ว่าพระเอกจะรวย หรือนางเอกจะจน มักจะมีอาหารฝีมือ แม่ให้ได้เห็นอยู่ตลอด และยังเจอกิมจิใส่กล่องแช่ตู้เย็น ให้เห็นเสมอ อีกทั้งยังมีบทที่พูดว่า อย่าลืมกินข้าวนะอีกด้วย

และที่ขาดไม่ได้เลยคือฉากอาจุมม่า นั่งทำกิมจิให้เห็น หรือฉากกินเลี้ยง ที่จะเห็นหมูสามชั้นย่างตลอด บางครั้งดูไปกลืนน้ำลายไป อีกทั้งยังมีฉากร้านกาแฟเก๋ ๆ หรือไม่ว่าจะเป็นกินมาม่าใส่กิมจิ ให้ได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ

หากพูดถึงในยุคปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่า ผู้คนทั่วโลกมีการรับ วัฒนธรรมการกินอาหารเกาหลี มาจากการที่ได้ดูซีรี่ส์ หรืออาจจะเป็นนักร้อง ไอดอล ที่เราได้ติดตาม และก็ทำให้อยากที่จะ หามาลองกินกันนี่ละเนอะ @UFA-X10 

 

เรียบเรียงโดย อลิส

Scroll to Top